คุณแม่หลายคนยอมปล่อยให้ตัวเองประสบกับปัญหาผิวพรรณที่เปลี่ยนไป

ทั้งสิว ผิวแห้ง ผิวหน้าหมองคล้ำ หน้าท้องแตกลาย ฯลฯ

ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของลูก

ACNE CONCERNS

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นกับผิวพรรณร่างกาย หรือจิตใจ ถ้าเป็นเรื่องของผิวหน้าแล้ว สิวคงเป็นเรื่องที่คุณแม่หลายคนประสบปัญหามากที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ สิวเกิดจากการที่ระดับฮอร์โมนของคุณแม่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ทำให้คุณแม่หลายคนเสียความมั่นใจ ที่แย่กว่านั้นสิวยังทิ้งรอยเอาไว้ ซึ่งหายช้ากว่าปกติในช่วงเวลานี้อีกด้วย จากปัญหาดังกล่าว คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์และยารักษาสิว ที่มีสารที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อย เช่น พวกกรดวิตามินเอ Salicylic Acid และ Benzoyl Peroxide ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ไหนมีความเสี่ยง คุณแม่จึงมักตัดสินใจงดรักษาสิวในช่วงนี้ แต่ข่าวดีคือ จริงๆแล้ว คุณแม่ไม่จำเป็นที่จะต้องงดรักษาสิวในช่วงเวลานี้ ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัว ที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพป้องกันและรักษาสิว เช่น Witch Hazel และสารสกัดผลไม้บางชนิด

คุณแม่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง หมั่นรักษาความสะอาดบนใบหน้า ดื่มน้ำให้เพียงพอ ระวังอย่าให้นิ้วมือสกปรกไปโดนใบหน้า และ หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตัน นอกจากนี้คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็น พวกกรดวิตามินเอและอนุพันธ์วิตามินเอ (ที่นิยมเรียกกันว่า “retinol”, “retinoids", “retinaldehyde”, “retinol palmitate”, “tretinoin” ฯลฯ) Salicylic Acid (หรือมีอีกชื่อว่า BHA) และ Benzoyl Peroxide

ลองใช้ PregSkin Blemish Control Skin-Clearing Serum ที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถบรรเทาและรักษาผิวที่มีปัญหาสิวอุดตันหรืออักเสบ ระคายเคืองแพ้ง่าย พร้อมยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส และเรียบเนียนอีกด้วย

SKIN DARKENING AND DARK SPOTS CONCERNS

ฮอร์โมน คือสิ่งที่ทำให้คุณแม่บางคนมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวล และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คุณแม่บางคนเกิดการเปลี่ยนแปลงอันไม่พึงประสงค์ เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ รอยดำรอยแดงที่ชัดขึ้น กระ และ ฝ้า ในช่วงที่ตั้งครรภ์ สีผิวบนร่างกายและใบหน้าบางส่วนจะเข้มขึ้น รอยจากสิวหายช้าลง รักแร้ ข้อพับแขนขาดำขึ้น เส้นสีเข้มผ่ากลางหน้าท้อง ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ลดรอยหมองคล้ำ หรือ whitening/brightening ทั่วไปที่เราคุ้นเคย อาจไม่เหมาะที่จะใช้ในระยะตั้งครรภ์หรือให้นมลูก เนื่องจากอาจมีส่วนผสมของพวกกรดวิตามินเอ AHA hydroquinones และ สารที่ก่อการระคายเคืองอีกมากมาย ในช่วงเวลานี้ ผิวของคุณแม่จะบอบบาง และแพ้ง่ายกว่าปกติ บางคนถึงกับแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำก่อนที่จะตั้งครรภ์

ถ้าศึกษาให้ดี คุณแม่ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ whitening/ brightening เพียงแต่รู้วิธีเลือกใช้ให้ถูกต้อง โดยพยายามเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็น กรดอ่อนๆ (เช่น กรดแลคติค หรือกรดอ่อนๆจากสารสกัดผลไม้) วิตามินบี3 วิตามินซี และ Bidens Pilosa ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี พวกกรดวิตามินเอ AHA, Salicylic Acid, BHA และ Hydroquinone รวมทั้งหลีกเลี่ยงแสงแดด แนะนำให้ทาครีมกันแดด SPF30+ และทานอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงๆ การขาดโฟลิคอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้สีผิวเข้มขึ้น

PregSkin Blemish Control Skin-Clearing Serum กับ PregSkin Brightening Age-Defying Moisturizing Facial Cream สามารถทำงานควบคู่กัน เพื่อให้ผิวของคุณแม่กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ แลดูอ่อนเยาว์ โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อย

STRETCH MARK CONCERNS

ในขณะที่ปัญหาสิว ผิวคล้ำดำลง เป็นปัญหาชั่วคราวที่เกิดจากฮอร์โมน รอยแตกลายบนหน้าท้อง เป็นปัญหาที่อยู่นานเป็นปีๆ สำหรับคุณแม่หลายคน ช่วงเวลาตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ผิวกายถูกยืดมากที่สุดในระยะเวลาอันสั้นมาก ทำให้ผิวไม่สามารถสร้างคอลลาเจนมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ทัน สำหรับคุณแม่บางคน รอยแตกลายไม่มีวันจางหายสนิท ถึงแม้ว่าความมากน้อยของรอยแตกลายของคุณแม่แต่ละคนจะแตกต่างกันไป คุณแม่ทุกคนสามารถที่จะป้องกันและลดการเกิดของรอยแตกลายเหล่านี้ได้ และรักษารอยเก่าที่มีอยู่แล้วให้จางลงไปอีก

ปัจจัยหลักในการป้องกันและลดริ้วรอยแตกลาย คือการบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เนิ่นๆ ให้ผิวไม่แห้ง และคงความชุ่มชื้นตลอดเวลา พยายามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่ช่วยบำรุงซ่อมแซมผิว เช่น Shea Butter, Cocoa Butter, Collagen-boosting Peptides, วิตามินอี และ แพนทีนอล (วิตามิน บี5)

ควรใช้ PregSkin Intensive Hydrating Stretch Mark Butter ตั้งแต่ระยะเริ่มตั้งครรค์จนไปช่วงสิ้นสุดการให้นมลูก เพื่อหน้าท้องที่เรียบเนียน กระชับ และนุ่มชุ่มชื้น การดูแลผิวตั้งแต่เดือนแรก ๆ ของการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันรอยแตกลายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด